04/01/2553 บ้านหลังใหม่ฝรั่ง...ยึดเบ็ดเสร็จ !! ทำเลทอง หัวหิน-พัทยา-สมุย ผลสำรวจประสบการณ์ของชาวต่างชาติที่ทำงานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ใน 50 ประเทศ โดยธนาคารเอชเอสบีซี แบงก์ อินเตอร์เนชั่นแนล พบว่า ประเทศแคนาดา ออสเตรเลีย และ ไทย เป็น 3 ประเทศแรกที่ได้รับการจัดอันดับ ให้เป็นประเทศที่ดีที่สุดสำหรับชาวต่างชาติที่ต้องการหางานทำใน ต่างประเทศ โดยระบุว่าชาวต่างชาติใน แคนาดามีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด และ เป็นหนึ่งในประเทศที่ง่ายในการผสมผสานเข้ากับประชากรในท้องถิ่น เมื่อ เทียบกับปี 2551 ประเทศที่ครอง 3 อันดับแรก ได้แก่ เยอรมนี แคนาดา และสเปน ส่วนอังกฤษรั้งอันดับท้าย ๆ เนื่องจากมีค่าครองชีพสูงสำหรับชาวต่างชาติ นอกจากนี้ไทยยังรั้งอันดับที่ 2 รองจากไอซ์แลนด์ ในการจัดอันดับแหล่งท่องเที่ยว "คุ้มค่าเงิน" มากที่สุดจาก หนังสือแนะนำการท่องเที่ยวชื่อดัง "Lonely Planet" โดยระบุว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในสถานที่พักผ่อน ระยะยาวราคาถูกที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวชาวยุโรป มีที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวกให้เลือกมากมาย นั่นคือ สิ่งที่การันตีว่าเมืองไทยของเรา เป็นจุดหมายที่ชาวต่างชาติอยากมาเยือนและพักอาศัยท่ามกลางเสน่ห์แห่ง รอยยิ้มสยาม วันนี้ในย่านหัวเมืองท่องเที่ยวเลื่องชื่อระดับโลกทั้งที่พัทยา หัวหิน เกาะสมุย ภูเก็ต และอื่น ๆ ได้ กลายเป็นแหล่งพำนักของฝรั่งนานาชาติไปเรียบร้อยแล้ว ทั้งกลุ่มที่เข้ามาลงทุนทำธุรกิจ มาท่องเที่ยว และกลุ่มตั้ง ถิ่นฐานระยะยาว พัทยา...ก้าวสู่เมืองนานาชาติ หากมีโอกาสไปพัทยา ไปทางไหนก็จะพบเห็นชาวต่างชาติ ทั้งกลุ่มที่มา ท่องเที่ยวชั่วคราว และกลุ่มวัยเกษียณ ที่มาพักพิงอาศัยอยู่ถาวร พัทยาจึงมีแหล่งพักอาศัยของชาวต่างชาติที่หลากหลายกระจายอยู่ตามทำเลต่าง ๆ จนบาง แห่งกลายเป็นชุมชนเล็ก ๆ ขึ้นมา โครงการคอนโดมิเนียมหลายแห่งที่เคยประสบปัญหาในยุคฟองสบู่ปี 2540 ก็ พลิกฟื้นขึ้นได้จากกลุ่มต่างชาติเข้ามาซื้อหรือเช่า รวมถึงคอนโดมิเนียมที่กำลังลงมือก่อสร้างใหม่ล้วนตั้งเป้า จับ กลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติเกินกว่า 80% นักท่องเที่ยว 3 ชาติแรก ที่เดินทางมาพัทยาเป็นจำนวนมากที่สุด คือ รัสเซีย จีน และเกาหลี ขณะที่แถบยุโรป มี อังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ และประเทศแถบ สแกนดิเนเวีย ชาวต่างชาติที่เข้ามาในพัทยามีการรวมกลุ่มกันในนาม "พัทยา ซิตี้ เอ็กซ์แพท คลับ" ซึ่งตั้งขึ้นเมื่อปี 2544 ประกอบด้วยชาวต่างชาติหลายเชื้อชาติ ซึ่งมีการแบ่งพื้นที่กันอยู่เป็นโซน ๆ "วีรวัฒน์ ค้าขาย" รองนายกเมืองพัทยา บอกว่า การเข้ามาอยู่ของชาวต่างชาติวัยเกษียณมีมากว่า 20 ปีแล้ว บางคน เข้ามาเพื่อใช้ชีวิตในบั้นปลาย เพราะค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลราคาถูกกว่า และบ้านเราก็เปิดช่องว่างให้กลุ่ม คนเหล่านี้เข้ามาใช้ชีวิตมาเป็นเวลานาน บางคนเริ่มเห็นช่องทางก็เข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนหรืออยู่อาศัยเอง จนกระทั่งลงทุนทำธุรกิจที่ พัทยา มีการขยายตัวจนเกิดชุมชนอยู่เต็มเมือง เรียกว่าทำให้พัทยากลายเป็นตัวเลือกของคนทุกระดับ ซึ่งแตกต่าง จากภูเก็ต สมุย หรือหัวหิน ที่ถูกวางตำแหน่งเป็นแหล่ง ท่องเที่ยวไฮเอนด์มีราคาแพง และมี คนต่างชาติที่มีฐานะ ไปอยู่อาศัย ความหลากหลายทำให้พัทยาเป็นเมืองที่ต้องปกครองแบบพิเศษ มีสิ่งใหม่ ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา และทำให้เมืองมี หลายแง่มุมให้สัมผัส ในระยะหลังแม้พัทยาจะมีภาพลบและมีปัญหาความวุ่นวายทางการเมือง มีบ้างบางส่วนที่ทำ ให้คนกลุ่มใหม่ ๆ หันไปสนใจเมืองท่องเที่ยวอื่นในการพักอาศัย แต่กลุ่มเดิม ๆ ก็อยู่กันจนชินเหมือนเป็นที่ สุดท้ายสำหรับการใช้ชีวิตบั้นปลาย การพักอาศัยของชาวต่างชาติในพัทยานั้น ส่วนมากจะอยู่แยกกันเป็นเชื้อชาติ อาทิ กลุ่มชาวเยอรมัน ซึ่งเข้ามา ปักหลัก หลังสิ้นสุดสงครามเวียดนาม กลุ่มนี้จะนิยมอาศัยอยู่ในย่านพัทยาเหนือต่อเนื่องไปจนถึงหาดวงศ์อมาตย์ และนาเกลือ หาดวงศ์อมาตย์จึงมีชื่อเรียกว่า "Deutsche Beach" สำหรับชาวฝรั่งเศสจะปักหลักตั้งถิ่นฐานกันหนาแน่นย่านถนนพระตำหนัก ซึ่งเชื่อมต่อเข้าหาดจอมเทียน ทำเล ย่านนี้จะเป็นภูเขา มีภูมิประเทศคล้ายกับต่างประเทศเพราะอยู่บนเนิน เป็นพื้นที่ลาดลงทะเลมีซูเปอร์มาร์เก็ต เฉพาะกลุ่ม ร้านอาหารและสถานบันเทิงที่มีความเป็นชาตินิยมผุดขึ้นรองรับหลายแห่ง ขณะที่กลุ่มอเมริกันมีการรวมตัวกัน หนาแน่นในอีกฝั่งหนึ่งของพัทยา คือ อ่างเก็บน้ำมาบประชัน เชื่อมไปยังถนน หมายเลข 331 บริเวณเขาไม้แก้ว ซึ่งจะเป็นฝั่งภูเขาไม่ติดทะเล ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านเดี่ยวที่ทันสมัยมีพื้นที่ขนาด ใหญ่ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน สำหรับกลุ่มสแกนดิเนเวียนและยุโรปอยู่อาศัยหนาแน่น บริเวณถนนเทพประสิทธิ์ลงมาถึงหาดจอมเทียน กระจาย กันออกไปตามโรงแรมและคอนโดมิเนียม เดิมกลุ่มสแกนดิเนเวียนปักหลักที่หาดจอมเทียนมากเป็นพิเศษ รวมถึง บริเวณเชิงเขาพระตำหนักบางส่วน แต่ระยะหลังทุกทำเลมีการผสมผสานระหว่างเชื้อชาติ พัทยาจึงเป็นเมือง นานาชาติอย่างแท้จริง หากเลียบฝั่งทะเลอ่าวไทยไปทางใต้ "หัวหิน" ยังคงเป็นเมืองตากอากาศสุดคลาสสิกตลอดกาล ซึ่งดึงดูดให้ ชาวต่างชาติแวะเวียนไปพำนักเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะกลุ่มชาวต่างชาติวัยเกษียณ ที่มีฐานะ และด้วยความที่หัวหินเป็นเมืองผู้ดีเก่า มีชายหาดริมทะเลเหมาะแก่การพักผ่อน และที่สำคัญเป็นสถานที่ ประทับของในหลวง ด้วยเชื่อมั่นในเรื่องความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สิน จึงเป็นปัจจัยสำคัญของการหลั่งไหล เข้ามาพำนักอาศัยของชาวต่างแดนหลายหมื่นคน สำหรับทำเลที่กลายเป็นชุมชนต่างชาติในเมืองหัวหิน ได้แก่ ในย่านกลางเมือง และในพื้นที่ชุมชนดั้งเดิมที่แบ่ง ขายที่ดินให้กับนักลงทุนสร้างบ้านพักรองรับชาวต่างชาติ เช่น ในพื้นที่ชุมชนสมอเรียง ชุมชนศาลเจ้าพ่อเสือ ย่าน ถนนหัวหิน ชุมชน บ้านจัดสรรเก่า และชุมชนริมทางรถไฟย่าน บ่อนไก่ และถนนทางรถไฟฝั่งตะวันตก เป็นย่าน ที่มีอพาร์ตเมนต์อยู่จำนวนมาก นอกจากนี้พื้นที่บริเวณบ้านหัวนา ถนนเพชรเกษม และถนนเส้นในตัดไปวัดห้วยมงคล ที่ดินหลายพันไร่ถูก เนรมิตเป็นบ้านจัดสรรของชาวต่างชาติ ทั้งวิลล่า บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ รวมทั้งย่านเขาตะเกียบที่เป็นชุมชน ชาวประมงดั้งเดิม ปัจจุบันกำลังมีการลงทุนโครงการคอนโดมิเนียม บ้านพักตากอากาศ และบ้านจัดสรรให้แก่ ชาวต่างชาติ พื้นที่ถัดมาใกล้เชิงเขาถนนเพชรเกษม บริเวณบ้านหัวนา ต.หนองแก กลายเป็นพื้นที่ทำเลทอง กลุ่มเศรษฐีชาว ฮอลแลนด์ได้ร่วมทุนกับคนไทยพัฒนาพื้นที่ผืนใหญ่กว่า 3,000 ไร่ ชื่อโครงการเดอะบันยัน มีทั้งวิลล่า โรงแรม คอนโดมิเนียม ช็อปปิ้งมอลล์ สนามกอล์ฟ รวมมูลค่าโครงการกว่าหมื่นล้านบาท ผู้บริหารโครงการนี้บอกว่า ต่อไปที่นี่จะเป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตของเศรษฐีต่างชาติอย่างครบวงจร ข้อมูลจากนักธุรกิจในหัวหินระบุว่าที่ผ่านมาชาวต่างชาติจะนิยมซื้อบ้านจัดสรร หรือโครงการในรูปแบบของ บริษัท โดยเริ่มที่ราคาตั้งแต่ 5-6 ล้านบาท สูงสุด คือ 20-25 ล้านบาท ส่วนที่ดินบริเวณริมทะเลนั้นราคาเหยียบ ไร่ละ 100 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เข้าไปจับจองเพื่อพัฒนาให้เป็นที่พักกับ ชาวต่างชาติซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก "จิระ พงษ์ไพบูลย์" นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองหัวหิน บอกว่า ระยะหลังมีกลุ่มธุรกิจมาลงทุนสร้างบ้าน คอนโดมิเนียม หัวหินจึงเติบโตเร็วมากจนเทศบาลตามไม่ทัน ประชากรหัวหินจริง ๆ มีเพียง 3 หมื่นคนเศษ แต่ ประชากรแฝงกลับมีเป็นแสนคน มาแย่งกันใช้น้ำประปา ไฟฟ้า และทิ้งขยะ ซึ่งเทศบาลต้องดูแล ตรงนั้นเกือบ ทั้งหมด ขณะที่มีรายได้ปีละประมาณ 300 ล้านบาท จึงไม่พอแก้ปัญหา ในส่วนของน้ำประปายังพอแก้ได้ โดยอาศัยแหล่งน้ำดิบจากปราณบุรีและเพชรบุรีเพื่อผลิตน้ำประปาป้อนเมืองหัว หิน แต่ที่หนักคือ ปัญหาระบบน้ำเสียและขยะ ซึ่งอยู่ระหว่างหาแนวทางแก้ไขและ ขอความร่วมมือจาก ผู้ประกอบการ นายกเล็กเมืองหัวหินบอกว่า การที่มี ชาวต่างชาติเข้ามาก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือ ทำให้เมืองคึกคัก เศรษฐกิจ ดี มีการลงทุน เป็นการสร้างงาน โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยวและการบริการ ส่วนข้อเสียก็มีเหมือนกันสำหรับ ต่างชาติแบบที่เป็นมาเฟีย มาแย่งกันทำธุรกิจ บ้างก็มาสวมรอยกิจการด้านสื่อซึ่งมีทั้งดีและไม่ดี แอบอ้างเพื่อหา เครือข่าย และชาวต่างชาติที่มาอาศัยช่องว่างกฎหมายบ้านเราทำธุรกิจ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองหัวหินยังบอกด้วยว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา พบว่า มีชาวต่างชาติกว่า 2,000- 3,000 ครอบครัว มาขอเลขที่บ้าน ส่วนหนึ่งจะมีภรรยาเป็นคนไทย โดยซื้อบ้านจากคนไทยปลูกขาย อีกส่วน หนึ่งก็ซื้อจากฝรั่งทำขายฝรั่ง แล้วฝรั่งก็หลอกฝรั่งกันเอง เดิมทีฝรั่งโดนคนไทยหลอก ตอนนี้ฝรั่งหลอกกันเองแล้ว เช่น ซื้อแล้วไม่ได้บ้าน หรือไม่ได้บ้านตามที่ต้องการ นั่นคือเหรียญสองด้านที่เกิดขึ้นกับชุมชนต่างชาติในเวลานี้ นอกจากพื้นที่พัทยา หัวหิน จะกลายสภาพเป็นชุมชนต่างชาติแล้ว หมู่เกาะที่เคยกันดาร เงียบสงบ ผู้คนยังชีพจาก การประมงและมะพร้าวอย่างเช่น "เกาะสมุย" วันนี้กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกไปแล้ว จำนวนนักท่องเที่ยว เติบโตขึ้นทุกปี เช่น ในปี 2546 มีนักท่องเที่ยว 8.3 แสนคน มีรายได้จากการท่องเที่ยว 9,901 ล้านบาท และ นับตั้งแต่ ปี 2548-2550 จำนวนนักท่องเที่ยวขยับขึ้นมาแตะระดับ 1 ล้านคนเศษ มีรายได้เฉลี่ยปีละ 14,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติจากโซนยุโรป อเมริกา ด้วยศักยภาพในการทำกำไรของเกาะสมุย จึงดึงดูดนักลงทุนต่างชาติหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสายในช่วงทศวรรษ ที่ ผ่านมา โดยเฉพาะชาวอังกฤษ อเมริกัน เยอรมนี ซึ่งมีการปักหลักพักพิงและทำธุรกิจอยู่บนเกาะสมุยในหลาย ธุรกิจ เช่น กิจการโรงแรม รีสอร์ต รวมทั้งธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว เช่น ร้านอาหาร ผับ บาร์ เรือสำราญ การดำน้ำ รถเช่า เว็บไซต์ การท่องเที่ยว สื่อสิ่งพิมพ์ เป็นต้น โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ เฟื่องฟูมากที่สุดหลังเกิดเหตุการณ์ สึนามิ เพราะทะเลอ่าวไทยปลอดภัยจาก คลื่นยักษ์ถล่ม โดยเป็นระบบตลาดที่ "ฝรั่งทำขายฝรั่ง" เป็นการเปิดประตู ให้ชาวต่างชาติสามารถจับจองเป็น เจ้าของบ้านพักตากอากาศ วิลล่าหรู จนกลายเป็นชุมชนฝรั่งกระจายอยู่ตามโครงการจัดสรร และบ้านพักส่วนตัว ทั่วทั้งเกาะสมุย นักธุรกิจเกาะสมุยรายหนึ่งระบุว่า ผู้ที่ยึดกุมเศรษฐกิจเกาะสมุยในเวลานี้กว่าครึ่งอยู่ในมือของชาวต่างชาติ เพราะ ฝรั่งเข้ามาทำธุรกิจได้เกือบทุกอย่างทั้งที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย คนไทยจึงสู้ไม่ได้เพราะฝรั่งมีเงินทุน เครือข่าย มีเครดิตและการทำตลาดระดับนานาชาติได้ นอกจากนี้ค่าครองชีพก็ยังสูงกว่ากรุงเทพฯ ส่วนการอยู่ ร่วมกันระหว่างคนท้องถิ่นกับชาว ต่างชาตินั้นก็ต่างคนต่างอยู่ แม้แต่ฐานข้อมูลชาวต่างชาติเราก็มีน้อยมาก "การดูแลชาวต่างชาตินั้นก็เอาแค่เรื่องที่พออยู่ได้ เพราะต้องยอมรับว่าเขาเป็นคนนำเม็ดเงินเข้ามา สมุยก็ได้ขยับ ขยายพัฒนาขึ้น เมื่อเร็ว ๆ นี้เทศบาลได้พูดคุยกับชาวต่างชาติก็พบปัญหาว่ามีการฉ้อโกงหลายเรื่อง ฝรั่งโกงกันเอง ก็มี เขาก็ต้องการมาอยู่กับเรามาก ๆ แล้วเราก็ต้องการฝรั่งสีขาวมากกว่าฝรั่งสีเทา ตอนหลังก็มีกลุ่มมาเฟีย นักค้า ที่ดินมาปั่นราคาที่ดิน ซึ่งเขาก็ควรเคารพกฎกติกาของเราด้วยเช่นกัน คิดว่าจะตั้งศูนย์ติดต่อพบปะกับชาวต่างชาติ โดยตรง เพื่อบริการและช่วยเป็นช่องทางสื่อสารกันได้สะดวกใกล้ชิดขึ้น" รามเนตร ใจกว้าง นายกเทศมนตรี เทศบาลเมืองเกาะสมุย ตอบคำถามถึงแนวทางการดูแลชุมชนชาวต่างชาติ นี่เป็นเพียงภาพสะท้อนการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมไทยในยุคโลกไร้พรมแดน ซึ่งคนไทยพร้อมหรือ ยังที่จะมีเพื่อนใหม่ที่เป็นชุมชน ต่างชาติเต็มเมือง>