20/11/2552 “มหพันธ์”รุกตลาดผนัง ส่ง“เฌอร่า อินฟิววอลล์”บุกตลาดไทย-นอก นายองเอก เตชะมหพันธ์ กรรมการบริหาร บริษัท มหพันธ์ไฟเบอร์ซีเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือกลุ่มมหพันธ์ ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์หลังคาตราห้าห่วงและผลิตภัณฑ์ไฟเบอร์ซีเมนต์ตราเฌอร่า เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ เปิดตัวนวัตกรรมก่อสร้างระบบใหม่ “เณอร่า อินฟิลวอลล์” ซึ่งเป็นนวัตกรรมระบบติดตั้งผนังแบบใหม่ ด้วยการ ใช้เณอร่าบอร์ดประกบ 2 ด้านบนโครงเคร่าเหล็ก ทำหน้าที่เหมือนแผ่นแบบหล่อสำเร็จรูป โดยไม่ต้องถอด แบบ และฉีดคอนกรีตมวลเบาใส่ช่องว่างตรงกลางให้ผนังแน่นทึบ มีผิวผนังเรียบเนียนในตัว ลดขั้นตอนงานฉาบ ผนัง ทำให้สามารถก่อสร้างได้เร็วขึ้นถึง 30% จากระบบพนังทั่วไป นอกจากนี้ ผนังหนังที่ได้ยังมีความบางกว่า ระบบพนังชนิดอื่น ทำให้เพิ่มพื้นที่ห้องได้ 3-5% สำหรับราคาขายประมาณ 700-800 บาท/ตร.ม. ในขณะที่ผนังอิฐมวลเบาราคาประมาณ 500-550 บาท/ตร.ม. ซึ่งในช่วงแรกจะเน้นทำตลาดเฉพาะโครงการหรือผู้รับเหมารายใหญ่ เนื่องจากยังมีข้อจำกัดในเรื่อง ของระบบติดตั้งและต้องใช้เครื่องปั๊มคอนกรีตที่มีราคาสูงประมาณเครื่องละ 2 แสนบาท ส่วนตลาดปลูกสร้าง บ้านทั่วไปคาดว่าจะต้องใช้เวลาในการพัฒนาระบบอีกซักระยะจึงจะเข้าไปทำการตลาด ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นระบบที่กลุ่มมหพันธ์ทำงานร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจในประทศไทยและ ผู้เชี่ยวชาญในงานผนังจากประเทศไต้หวันมานานกว่า 5 ปี คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้า โดยเฉพาะโครงการอาคารสูง ตั้งเป้าหมายอดขายปีแรกไว้ที่ 150 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งตลาด 5% ของ มูลค่าตลาดรวมผนังทึบอาคารสูงที่ 3,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังนำผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเปิดตัวในตลาดต่างประเทศด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้ได้นำระบบเณอร่า อิน ฟิลวอลล์เข้าร่วมงานแสดงสินค้าวัสดุก่อสร้าง “ซาอุดิบิลด์ 2009” ที่ประเทศซาอุดิอาราเบีย เมื่อวันที่ 4-7 ตุลาคมที่ผ่านมา ตามด้วยการเปิดตัวในงาน “เอซีอี 2009” ณ เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย วันที่ 5-8 พ.ย.ที่ ผ่านมา และเดินสายประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ต่ออีก 3 เมืองใหญ่ของอินเดีย คือ บังกาลอร์ ปูเน่ และเดลี จนถึงเดือนธ.ค.นี้ การเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศนั้น ถือเป็นการบุกตลาดส่งออกผ่านเครือข่ายที่กลุ่มมหพันธ์มี กระจายไป 40 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะเข้าไปลงทุนสร้างโรงงานในประเทศที่มีศักยภาพ โดยในปีแรกคาดว่าจะสามารถส่งออกได้ราว 150 ล้านบาท เมื่อรวมกับยอดขายในประเทศแล้วน่าจะอยู่ ที่ 300 ล้านบาท ส่วนยอดขายของกลุ่มมหพันธ์ในปี52 คาดว่าจะมีจำนวน 6,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดส่งออก 10% ยอดขายดังกล่าวโตจากปีที่แล้ว 10% ในขณะที่ภาพรวมของตลาดวัสดุกว่าสร้างปีนี้คาดว่าจะติดลบ 2-3% ส่วนปี53 เชื่อว่านโยบายไทยเข้มแข็ง จะทำให้ประชาชนมีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้นและจะทำให้เศรษฐกิจโต 3- 5% ซึ่งจะทำให้ตลาดวัสดุก่อสร้างโตตามไปด้วย ส่วนกลุ่มมหพันธ์ตั้งเป้าเติบโตไม่ต่ำกว่า 10%>