31/10/2552

วลิต จิยะวรนันท์ กางโรดแมป 5 ปีเพิ่มส่วนแบ่งตลาด

2-3 ปีก่อนหน้านี้ บริษัท ไทยผลิตภัณฑ์ ยิบซั่ม จำกัด (มหาชน) หรือ "ไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม" ที่มี ส่วนแบ่งในตลาดยิปซัมเป็นอันดับ 2 มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญ หลังจาก "เซนต์โกเบน" ยักษ์ใหญ่วงการ สินค้าอุตสาหกรรมและวัสดุจากประเทศฝรั่งเศส เข้าเทกโอเวอร์กิจการบริษัทแม่ "บีพีบี" โดยเซนต์โกเบน ยังคงนโยบายเดิมในการ ดำเนินธุรกิจยิปซัมในประเทศไทย ล่าสุดได้ "วลิต จิยะวรนันท์" อดีต มือบริหารธุรกิจหลังคาของกลุ่มมหพันธ์ ที่ผ่านประสบการณ์ใน วงการวัสดุและพัฒนาที่ดินมาอย่างโชกโชนถึง 25 ปี เข้ามารับตำแหน่งผู้อำนายการฝ่ายขายและการตลาด แทน "ชัยฤทธิ์ สังสิทธิพันธุ์" ที่ได้รับการโปรโมตไปอยู่ที่เมืองดูไบ "วลิต" เปิดโอกาสให้ "ประชาชาติธุรกิจ" สัมภาษณ์พิเศษถึงนโยบายและแผนการรุกตลาด ท่ามกลางสถานการณ์ปัจจัยลบที่ภาคธุรกิจทุกสาขากำลังเผชิญ - ภารกิจแรกหลังรับตำแหน่ง ช่วงแรกผมขอศึกษาระบบงานก่อน ยังไม่ได้ปรับโครงสร้างทีมงานสักเท่าไหร่ คาดว่าคงจะเริ่มใน ปีหน้า อาจมีการปรับ จูนเล็กๆ น้อยๆ โดยเฉพาะเรื่องระบบจัดจำหน่าย คือมีร้านจำหน่ายมาก แต่ที่มา จับ ธุรกิจยิปซัมอย่างเดียวจริงๆ ยังมีจำนวนไม่มาก ตลาดหลักเรายังเป็นกรุงเทพฯและ ปริมณฑล รองลงมาคือ "อีสาน" และ "ตะวันออก" ดังนั้น "ภาคใต้" จึงเป็นพื้นที่ที่น่าจะขยายได้อีก แต่ค่อนข้างเสียเปรียบ คู่แข่ง เนื่องจากคู่แข่งมีโรงงานอยู่ที่ภาคใต้ ด้วย อย่างไรก็ตามคงจะต้องแก้ไขเรื่องต้นทุนค่าขนส่งและต้นทุนการผลิตจากราคาพลังงาน และวิธีการที่ทำ ให้แข่งขันราคาได้ สำหรับภาคใต้ยอมรับว่าคงต้องลดกำไรลงบ้าง แต่ไม่ใช่การแข่งขันฟันราคา - แผนรุกตลาดที่วางไว้ ประเด็นคือปัจจุบันสามารถเจาะตลาด "เพดาน" ได้เยอะ แต่งาน "ผนัง" ที่ใช้ยิปซัมยังมีแชร์น้อย มาก อาจเป็นเพราะ ผู้บริโภคยังมีความรู้สึกว่าผนังยิปซัมไม่แข็งแรง ดังนั้นเราไม่จะพรีเซนต์เรื่องความ แข็งแรง แต่พรีเซนต์คุณสมบัติ เช่น ต้องการผนังกั้นเสียงได้ ทนไฟได้ กั้นห้องโฮมเธียเตอร์ ฯลฯ ยิปซัมตอบ โจทย์ได้ เป้าหมายของเราคือตลาด "ที่อยู่อาศัย" ทั้งคอนโดฯและบ้าน เป็นตลาดใหญ่แต่ก็เจาะยากเหมือนกัน ขณะเดียวกันก็จะผลักดัน "ปูนปลาสเตอร์" เข้าไปทดแทนการใช้ปูนซีเมนต์ด้วย ข้อดีคือผสมน้ำแล้วใช้ได้เลย และฉาบได้ด้วยความหนาน้อยกว่า ส่วนราคาปูนปลาสเตอร์สูงกว่าประมาณ 10 บาทต่อการฉาบปูน 1 ตร.ม. - ขนาดตลาดงานผนัง ประมาณการคร่าวๆ ในภาพรวมตลาดงานผนัง สัดส่วน 85% เป็นก่ออิฐฉาบปูน อีก 10% เป็นผนังคอนกรีต และ 5% เป็นยิปซัม ส่วนภาพรวมตลาดยิปซัม 80% ขายในงานเพดาน ส่วนอีก 20% เป็นงานผนัง และที่เข้าไปได้ส่วนใหญ่ยังเป็นอาคาร เอสเอ็มอี โรงหนัง ช็อปปิ้งมอลล์ ในกลุ่ม ที่อยู่อาศัยมีน้อยมาก - อย่างไฟเบอร์ซีเมนต์บอร์ดถือว่าเป็น คู่แข่ง ก็อาจจะใช่แต่ไม่ได้ทดแทนกันได้ทั้งหมด เพราะ "ยิปซัม" เหมาะกับงานผนังภายในเนื่องจากไม่ กันน้ำ ส่วน "ไฟเบอร์ซีเมนต์บอร์ด" ใช้กับผนังภายนอกได้ดีเพราะทนน้ำ และข้อดีของยิปซัมคือมีความ ยืดหยุ่นกว่า และได้รอยต่อเรียบกว่า เทียบราคายิปซัม ตร.ม.ละประมาณ 150 กว่าบาท แผ่นไฟเบอร์ซีเมนต์ บอร์ด 180 บาท ที่ยิปซัมราคาถูกกว่าเพราะหลายปีที่ผ่านมาแทบไม่มีการปรับขึ้นราคา - เป้าที่วางไว้ ปีที่ผ่านมา เรามียอดขายรวมกว่า 3,000 ล้านบาท แยกเป็นในประเทศเกือบ 2,000 ล้านบาท และ ต่างประเทศ 1,000 กว่าล้านบาท ตั้งเป้าว่าจากปัจจุบันมีสัดส่วนยอดขายในประเทศ แยกเป็นงานเพดาน 80% และผนัง 20% ภายใน 3 ปีสัดส่วนงานผนังต้องเพิ่มขึ้น และภายใน 5 ปีต้องปรับเป็น 50:50 - ช่องทางจำหน่ายต้องขยายเพิ่ม อย่างไรบ้าง ปัจจุบันดีลเลอร์ประมาณ 200 กว่าราย ถือว่าไม่มาก แต่เนื่องจากมีดีลเลอร์ที่มีเครือข่ายแข็งแรง โดยเฉพาะร้านกระจก ที่ขายกระจกกับยิปซัมโดยตรง ในรอบปี 2550 ที่ผ่านมาจึงมีการเพิ่มจำนวนดีลเลอร์ ไม่ถึง 10 ราย เพราะเป้าหมายเราไม่เน้นจำนวนรายมากๆ แต่เน้นเพิ่มศักยภาพในการขาย วิธีการคือพัฒนา เอเย่นต์ให้ขายสินค้าเป็นแพ็กเกจ คืองานเพดานพ่วงผนัง และขายสินค้าเป็นระบบ - ถามถึงเป้าหมายในปีหน้า เราทำแผนคร่าวๆ วางเป้าปี 2553 คาดหวังมีอัตราเติบโต 5% ไม่ได้คาดหวังสูง รวมถึงขณะนี้เราอยู่ ระหว่างทยอยรีแบรนด์ใหม่เป็น "Gyproc" (ยิบรอก) เพื่อเป็น โกลบอลแบรนด์เดียวกันทั่วโลก ตั้งเป้าว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมปีหน้า สินค้าของ ไทยยิบซั่มจะต้องเป็นแบรนด์ยิบรอก อย่างน้อย 80-90%>