31/10/2552

3 สูตรสำเร็จโฮมโปร รักษายอดขายครึ่งปีแรกตามเป้า

แม้สถานการณ์เศรษฐกิจครึ่งปีแรกที่ผ่านมาจะไม่กระเตื้องขึ้นจาก ปีก่อนมากนัก แต่สำหรับศูนย์ จำหน่ายวัสดุตกแต่งบ้านอย่าง "โฮมโปร" ยังคงมียอดขายในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ 8,668 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 14.6% ในจำนวนนี้มาจากการเติบโตของสาขาเก่า 4.1% และ สาขาใหม่ 10.5% มีกำไรสุทธิ 387 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 26.5% ถึงแม้จะหลุดเป้าอัตราเติบโตทั้งปีที่วางไว้ 15% เล็กน้อย แต่ในสายตาของ "คุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล" กรรมการ ผู้จัดการ "โฮมโปร" มองว่ายอดขายที่ได้ถือว่าสอบผ่าน เพราะตามปกติอัตราการจับจ่ายใช้ สอยในธุรกิจวัสดุตกแต่งช่วง ครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก สูตรสำเร็จที่ทำให้โฮมโปรมียอดขายเติบโตขึ้นมาจาก 3 ปัจจัยหลักคือ 1) การปรับสัดส่วนสินค้า 2) การปรับสินค้าคงคลัง และระบบโลจิสติกส์ และ 3) การทำกิจกรรมการตลาด เริ่มจากการปรับสัดส่วนสินค้าที่มีอยู่ทั้งหมดประมาณ 6 หมื่นรายการ โดยเพิ่มสัดส่วนสินค้าจ้างผลิต ภายใต้แบรนด์ของ ตัวเอง (โออีเอ็ม) จากช่วงต้นปี 8% เพิ่มเป็น 10.6% และตั้งเป้าว่าภายในสิ้นปีนี้ จะเพิ่มขึ้นเป็น 12% โดยจะเลือกหมวดหมู่สินค้าที่ผู้บริโภค ไม่ได้ให้ความสำคัญกับ "แบรนด์" มากนัก ว่าจ้างโรงงานผลิต เองโดยตรง จากเดิมที่ซื้อผ่านคู่ค้าหรือตัวแทนจำหน่าย อาทิ กลุ่มสินค้าฮาร์ดแวร์ ฉนวน ฯลฯ เปรียบ เทียบแล้ววิธีการนี้ทำให้โฮมโปรมีกำไร สูงขึ้นจากเดิมมาก ประมาณการว่า ไม่ต่ำกว่า 10-20% ต่อ รายการสินค้า โฮมโปรวางเป้าว่าในอนาคตจะต้อง เพิ่มสัดส่วนสินค้าจ้างผลิตให้ได้ถึง 25% จะมีทั้งหมวดหมู่สินค้า ที่ขายผสมผสานกันระหว่างแบรนด์โฮมโปร และแบรนด์ของซัพพลายเออร์ และที่ขายเฉพาะแบรนด์ โฮมโปรเพียงอย่างเดียว ส่วนการจัดการระบบโลจิสติกส์ได้ปรับวิธีการจัดส่งสินค้าใหม่ ได้แก่ 1) ปรับเปลี่ยนช่วงเวลาจาก กลางวันเป็นกลางคืน 2) ปรับเปลี่ยนการส่งสินค้าจากศูนย์กระจายสินค้าไปยังสาขาของโฮมโปร และ ส่งต่อไปให้ลูกค้า เป็นจากศูนย์กระจายสินค้าส่งต่อไปยังลูกค้าโดยตรง และ3) มีบริการจัดส่งสินค้า ให้คู่ค้าโดยคิดค่าธรรมเนียม 3% ของราคาสินค้า เพื่ออำนวยความสะดวกให้คู่ค้า ขณะเดียวกันก็อัดงบฯจัดกิจกรรมการตลาด "โฮมโปร ซูเปอร์ช็อกเซล" ลดราคาสินค้าสูงสุด 70% รวมถึงการจับมือกองทุน กบข. ให้สิทธิ์พิเศษสมาชิก กบข.ให้ส่วนลดซื้อสินค้าสูงสุด 5% เพื่อกระตุ้น การซื้อ ขณะที่แผนการขยายสาขาจากปัจจุบัน มี 33 สาขา แยกเป็นกรุงเทพฯ 17 สาขา และต่างจังหวัด 16 สาขา ตามแผนจะเปิดตัวสาขาใหม่อีก 1 แห่ง ที่จังหวัดภูเก็ต และในปีหน้าจะขยายสาขาเพิ่มขึ้นอีก 4 แห่ง เท่าปีนี้ ส่วนการรุกตลาด ต่างประเทศยังคงต้องใช้เวลาศึกษาอีกระยะหนึ่ง โดยมองตลาด ประเทศเพื่อนบ้านแถบอาเซียน อาทิ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ลาว เขมร ฯลฯ>