ในช่วงที่ผ่านมา เราอาจจะเคยอ่านข่าวหรือได้ยินเกี่ยวกับ ภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือ เศรษฐกิจหดตัวในหลายประเทศ ซึ่งจะมาคู่กันกับ “ภาวะเงินฝืด” หลายคนอาจจะสงสัยและยังไม่เข้าใจคำว่า “ภาวะเงินฝึด” รวมถึงมีหลายคำถามที่ตามมา เช่น เงินฝืดจะส่งผลกระทบอะไรกับเราบ้าง แล้วแตกต่างกับ “เงินเฟ้อ” อย่างไร K WEALTH จะมาอธิบายให้เข้าใจกัน
ภาวะเงินฝืด คืออะไร?
ภาวะเงินฝืดคือ สภาวะการลดลงของ “ความต้องการด้านสินค้าและบริการ” เนื่องจากเกิดความกังวลทำให้คนไม่กล้าออกมาจับจ่ายใช้สอย ซึ่งมีผลกระทบทั้งด้านบวกและลบต่อบุคคลทั่วไป โดยในระยะสั้น ภาวะเงินฝืดจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค เนื่องจากสินค้าและบริการจะมีราคาลดลง ช่วยเพิ่มกําลังการซื้อและการใช้บริการได้มากขึ้น ด้วยเงินจํานวนเท่ากัน แต่ในระยะยาว ภาวะเงินฝืดอาจทําให้เกิดการผลิตที่ลดลง เนื่องจากบริษัทต่างๆ ขายสินค้าหรือบริการได้น้อยลง ซึ่งอาจส่งผลให้ความต้องการด้านแรงงานลดลงไปด้วย เนื่องจากการลดกำลังการผลิต และรายได้ของผู้บริโภคลดลง นอกจากนี้ ภาวะเงินฝืดอาจทําให้การลงทุนโดยทั่วไปลดลงได้ เนื่องจากนักลงทุนลังเลที่จะนำเงินมาลงทุนในช่วงที่เศรษฐกิจประสบกับภาวะเงินฝืด
เงินฝืด กับ เงินเฟ้อ คู่แตกต่างที่ห่างกันคนละด้าน
ภาวะเงินฝืดและเงินเฟ้อเป็นปรากฏการณ์ทางเศรษฐกิจที่ตรงข้ามกัน เปรียบเหมือนน้ำ กับ ไฟ ซึ่งอาจแยกรายละเอียดต่างๆ ออกมาได้ดังนี้
|
เงินเฟ้อ
|
เงินฝืด
|
นิยาม
| การเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าและบริการทั่วไป
โดยราคาสินค้าเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับเงินที่เราเคยจ่ายไป (ใช้เงินเพิ่มขึ้นเพื่อให้ได้ของเท่าเดิม)
| การลดลงของราคาสินค้าและบริการทั่วไป
|
สาเหตุ
| • ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่น และมีความสามารถในการจับจ่ายใช้สอย
• ความต้องการสินค้าและบริการ
เพิ่มขึ้น • ปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ
เพิ่มขึ้น
| • ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง ไม่กล้าจับจ่ายใช้สอย
• ความต้องการสินค้าและบริการ ลดลง • ปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ
ลดลง
|
ผลกระทบ
| • การลงทุนและการใช้จ่ายของผู้บริโภค
เพิ่มขึ้น
• การผลิตสินค้าและบริการ
เพิ่มขึ้น • ราคาสินค้าและบริการจะเพิ่มขึ้น
| • การลงทุนและการใช้จ่ายของผู้บริโภค
ลดลง
• การผลิตสินค้าและบริการ
ลดลง • อัตราการว่างงาน
เพิ่มสูงขึ้น
|
สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะเงินฝืด
สาเหตุหลักของเงินฝืดมาจากอุปสงค์หรือความต้องการซื้อสินค้าและบริการในระบบเศรษฐกิจลดลง ทำให้ผู้ขายต้องลดราคาลงเพื่อจูงใจให้คนซื้อมากขึ้น โดยความต้องการที่ลดลงอาจเกิดจากคนไม่มีเงินใช้จ่าย หรือไม่มั่นใจในสถานการณ์เศรษฐกิจ จึงชะลอการใช้จ่ายออกไป
ภาวะเงินฝืดถือเป็นสถานการณ์ที่ไม่ดีสำหรับระบบเศรษฐกิจ เพราะจะทำให้ธุรกิจขายสินค้าได้น้อยลง จนอาจต้องปิดกิจการ ทำให้คนงานตกงาน และส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมถดถอยหากเกิดเงินฝืดรุนแรงและยืดเยื้อ
สรุป เงินฝืดคือภาวะที่ราคาสินค้าและบริการในระบบเศรษฐกิจมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเกิดจากอุปสงค์ในระบบเศรษฐกิจลดลง ส่งผลให้รายได้ของประชาชนและธุรกิจลดลง และอาจนำไปสู่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจได้หากรุนแรง
ตัวอย่างภาวะเงินฝืดที่เคยเกิดขึ้นในไทย
ตัวอย่างของภาวะเงินฝืดที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ที่หลายคนอาจจะพอนึกออก คือช่วงวิกฤตการเงินในไทยปี 2540 หรือเรียกกันอย่างติดปากว่า “ช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง” ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ประเทศไทยและอีกหลายประเทศในเอเชียประสบกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างรุนแรง ประชาชนทั่วไปมีความกังวล ไม่กล้าออกมาจับจ่ายใช้สอย หลายบริษัทต้องลดการผลิต ส่งผลให้มีการว่างงานเพิ่มขึ้น
ภาครัฐต้องดําเนินการปฏิรูปเศรษฐกิจหลายรูปแบบ รวมถึงการปรับนโยบายการคลังต่างๆ เช่น เพิ่มการใช้จ่ายของภาครัฐ ตลอดจนการปรับโครงสร้างทางการเงิน ซึ่งมาตรการเหล่านี้เป็นเครื่องมือที่ช่วยควบคุมภาวะเงินฝืดและรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
การลงทุนที่เหมาะสมในช่วงภาวะเงินฝืด
• เงินสด หรือกองทุนตลาดเงิน
เพื่อรักษาสภาพคล่องและรอการลงทุนในโอกาสที่ดีขึ้น นักลงทุนอาจพิจารณาเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ อิเล็กทรอนิกส์ที่ให้ดอกเบี้ยสูง อย่างบัญชีเงินฝาก K-eSavings หรือพักเงินไว้ในกองทุนตลาดเงิน อย่างกองทุน K-CASH
• พันธบัตรรัฐบาล หรือกองทุนตราสารหนี้
ในภาวะเงินฝืด อัตราดอกเบี้ยมักจะลดลง เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนภายในประเทศ พันธบัตรรัฐบาลจึงให้ ผลตอบแทนที่ดีขึ้น เหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อย หรือการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ อย่าง กองทุน K-SF, K-SFPLUS, K-FIXED, K-FIXEDPLUS หรือกองทุนตราสารหนี้ทั่วโลก อย่างกองทุน K-GB ก็เป็นอีก ทางเลือกที่น่าสนใจและมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น
• ทองคำ
สินทรัพย์ที่ได้รับความนิยมในช่วงภาวะเงินฝืดคือ ทองคำ ซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่นักลงทุนมักเลือกลงทุนเพื่อ รักษาความมั่นคงซึ่งอาจทำให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นในภาวะเศรษฐกิจถดถอย
Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”